โดย มติชน วัน อาทิตย์ ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2550 09:31 น.
คอลัมน์ คนกับเกมส์
แม้จะได้แค่เพียงรองแชมป์ในการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่นชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 29 ที่ผ่านมาก็ตาม แต่ด้วยฟอร์มการชกที่โดดเด่นของ **อำนาจ รื่นเริง** ในรุ่นไลท์ฟลายเวท ทั้งๆ ที่เพิ่งติดทีมชาติไทยเพียงไม่กี่เดือน ก็ทำให้อำนาจถูกยกให้เป็นนักชกหน้าใหม่ที่มีอนาคตของวงการมวยสากลสมัครเล่นไทย
ชีวิตของอำนาจ หรือ เพชร กว่าจะก้าวมาติดธงไตรรงค์ที่หน้าอกได้ ต้องบอกว่า สุดโชกโชน
เส้นทางการชกมวยของเพชรไม่แตกต่างจากนักชกเสื้อกล้ามทีมชาติไทยในปัจจุบันเท่าใดนัก โดยเริ่มจากการชกมวยไทยตามต่างจังหวัดตั้งแต่เยาว์วัย
เพชรเป็นเด็กค่อนข้างเกเร อาจจะมาจากการที่พ่อ-แม่แยกทางกันตั้งแต่เพชรลืมตาดูโลก ทำให้เพชรเที่ยวเตร่ไปเรื่อยเปื่อยไม่ค่อยสนใจการเรียน แล้ววันหนึ่งลูกน้ำเค็มชาวจังหวัดชลบุรีในวัย 7 ขวบที่ชอบชกต่อยมวยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ได้ไปเจอค่ายมวยที่อำเภอศรีราชา เลยแอบเข้าไปเตะกระสอบทรายเล่น แต่เตะผิดเวลา ดันไปเตะตอนที่นักมวยในค่ายกำลังนอนหลับพักผ่อน เลยทำให้เพชรถูกคนดูแลค่ายมวยไล่ออกมา
วันต่อมาเพชรกับเพื่อนๆ ก็ยังไม่เข็ด เข้าไปเตะกระสอบทรายอีก แต่คราวนี้เจ้าของค่ายชวนให้ฝึกซ้อมและกลายเป็นนักมวยในค่าย ขึ้นเวทีครั้งแรกหลังจากหัดชกมวยไม่กี่เดือน ในงานลอยกระทง เพชรพ่ายคู่ต่อสู้ ลงเวทีมาอย่างสะบักสะบอม แต่เพชรบอกว่า ไม่เข็ด
เพชรขะมักเขม้นขยันฝึกซ้อมแบบไม่หยุดหย่อน ทำให้ผลงานการชกดีขึ้นตามลำดับ และได้มีโอกาสเข้ามาชกในกรุงเทพฯที่เวทีมวยสำโรงเมื่อตอนอายุแค่ 10 ขวบ ลีลาการชกของเพชรถูกใจค่ายมวยชื่อดัง **ส.เพลินจิต**
เลยถูกซื้อตัวเข้ามาซ้อมและต่อยในเมืองกรุงตั้งแต่อายุ 10 ขวบ
เพชรตัดสินใจเลิกเรียนในระหว่างเรียนชั้นประถมปีที่ 4 ซึ่งในเวลานั้นมีปัญหากับทางโรงเรียนในเรื่องใบเกิดด้วย
หลังจากเข้ามาอยู่ค่าย ส.เพลินจิต ได้ปีเศษ เพชรกลับหนีออกจากค่ายกลับบ้านดื้อๆ เพราะทนคิดถึงบ้านไม่ไหว และมาอยู่กับยาย ช่วยยายทำขนมขายได้พักใหญ่ๆ ก่อนกลับมาชกมวยอีกครั้งด้วยการขึ้นเวทีชกหาเงินในบ้านเกิด
ชีวิตของเพชรหักเหอีกครั้งเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นเต็มตัว ด้วยการติดยา ทำให้ถูกญาติส่งตัวไปรักษาและอดยาอยู่ที่วัดในจังหวัดอุดรธานี หลังจากเลิกยาได้ เพชรกลับมาชกมวยหากินแถบจังหวัดอุดรธานีอีกครั้ง ก่อนที่จะมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองกรุงสังกัดค่าย **ก.บูรพา** จนกระทั่งประสบความสำเร็จคว้าแชมป์รุ่น 112 ปอนด์ของเวทีลุมพินีเมื่อตอนอายุ 20 ปี
แทนที่อนาคตจะรุ่งโรจน์ในฐานะนักชกค่าตัวแพง แต่เพชรกลับคิดสั้นด้วยการไปวิ่งราวสร้อยทอง หลังจากมีอารมณ์โมโหคนที่เพชรเรียกว่า ลูกพี่ เลยทำให้เพชรต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในคุก เมื่อปี 2548
เมื่อขาดอิสรภาพ เพชรค่อยๆ สำนึกได้ ประพฤติตัวดี เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ประจวบกับกรมราชทัณฑ์ตั้งค่ายมวยในเรือนจำ เพื่อให้นักโทษใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และอาจยึดเป็นอาชีพเมื่อพ้นโทษ เพชรจึงเข้าไปฝึกต่อยมวยสากลจนฝีมือเข้าขั้น ก่อนที่จะได้รับการอภัยโทษหลังจากติดคุกได้ปีเศษจากโทษ 5 ปี เมื่อราว 4 เดือนที่ผ่านมา
หลังจากพ้นโทษออกมา เพชรได้โอกาสขึ้นต่อยในมวยสากลสมัครเล่นชิงแชมป์ประเทศไทย ปรากฏว่า ฟอร์มการชกโดดเด่นจนสมาคมมวยฯเรียกเข้าค่ายฝึกซ้อมและติดทีมชาติครั้งแรกในศึกคิงส์คัพครั้งที่ผ่านมา
เพชรแจ้งเกิดเต็มตัวในรายการนี้ หลังจากพลิกล็อคโค่น **ซู ซี หมิง** แชมป์โลกและแชมป์เอเชี่ยนเกมส์จากจีนในรอบรองชนะเลิศ
ต่อจากนี้จะตั้งใจฝึกซ้อม โดยมีเป้าหมายไปชกโอลิมปิคที่จีนปีหน้า ผมได้บทเรียนชีวิตมาโชกโชนแล้ว จะไม่ให้ซ้ำรอยอีก
นักชกวัย 26 ให้คำมั่น