เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 8 กันยายน ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นของผม ซึ่งเป็นเช้าวันอาทิตย์ ที่ 9 ทางทีวีเมืองไทยได้ถ่ายทอดมวยไทยข้ามโลกจากอเมริกา ผมได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้จัดงานครั้งนี้ และนี่คือ
.. ความคิดเสี้ยวหนึ่งของ คนที่ยืนดูอยู่ขอบเวที
ตีหนึ่งกว่าแล้ว ของเช้าของวันที่เก้า กันยายน ตามเวลาท้องถิ่นของคนที่อยู่ทางซีกตะวันตกของอเมริกา ผมกำลังขับรถกลับบ้านหลังจากที่ได้ไปดูมหกรรมมวยไทยของ WBC หรือ สภามวยโลก มวยไทย ซึ่งเป็นการต่อยอดจาก สภามวยโลกเดิมซึ่งเป็นองค์กรของมวยสากล
สิ่งที่ประทับใจผมสำหรับงานครั้งนี้ กลับไม่ใช่การเปิดงานที่ใหญ่ตระการตา หรือ มวยยักษ์ฝรั่งที่ห้ำหั่นกันดุเดือดแลกเลือด อย่างน่าหวาดเเสียว หรือ สารพัดอาวุธ ที่ แหลมสงคราม ชูวัฒธนะ แชมป์จากเมืองไทย ส่งปลิวเข้าหาคู่ชกในยกสุดท้ายก่อนลอยลำเข้าป้าย
แต่เป็นเรื่องของนักมวยประกอบรายการคนหนึ่งครับ ซึ่ง ณ วันนี้ ไม่มีคุณค่าพอที่จะได้รับการพิจารณาให้ถ่ายทอดการชกของเขากลับไปเมืองไทย
.เขาให้เพื่อนร่วมค่ายจัดการพันมือ อยู่เงียบๆ ในห้องแต่งตัว ขนะที่เสียงเฮของคนดูดังอยู่ข้างนอก พอแต่งตัวเสร็จนั่งรอเวลาที่ตัวเองจะขึ้นชก โดยมีคนห้อมล้อมอยู่เพียงไม่กี่คน เหตุหนึ่งเพราะทางทบวงกีฬาห้ามคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามายุ่มย่ามในบริเวณที่นักมวยแต่งตัว แต่ที่สำคัญคือ ปัจจุบันนี้ เขาไม่โด่งดังเหมือนสมัยที่ชกอยู่เมืองไทยแล้ว ว่าที่จริงที่เขามาสอนมวย และขึ้นชกเป็นการหาลำไพ่พิเศษเพราะเขาหมดอายุมวยในเมืองไทยแล้วครับ ผมกำลังพูดถึง แก่นศักดิ์ ส. เพลินจิต ยอดมวยสอง พอศอ. ในอดีต ซึ่งถือเป็นขุนพลมวยคนหนึ่งในยุคที่ยังมีนักมวยฝีมือดีขับเคี่ยวกันอย่างถึงพริกถึงขิง เช่น คฤหาสน์ โอเล่ วังจั่นนอย บางคล้าน้อย เจริญทอง เป็นต้น และเขาคือหนึ่งเดียวที่ได้ตำเหน่ง นักมวยยอดเยี่ยมแห่งปี ถึงสองปีซ้อน
แก่นศักดิ์ ได้เคยชกไว้ในอเมริกาสองครั้งแล้ว โดยชนะทั้งสองครั้ง ด้วยอายุ 37 ปี ในเมืองไทย นอกจาก สุข ประสาทหินพิมาย อันเป็นตำนานมวยไทย แล้วก็ไม่มีนักมวยไทยคนใดจะลากสังขารขึ้นไปขายความเจ็บปวดบนสังเวียนอีก แต่จากที่เห็นๆกันอยู่ว่า ถ้าดูแลร่างกายดีๆ รู้จักหน้าที่ ฟิตซ้อมให้ร่างกายแข็งแรง ก็ยังพอมีโอกาสหากินได้อีกในอเมริกา
จากคำบอกเล่าของพงษ์สันติ์ แห่งค่ายเอกโยธิน ซึ่งแก่นศักดิ์ไปซ้อมและสอนมวยอยู่ บอกว่า ครั้งนี้ เขาเคี่ยวแก่นศักดิ์ให้ดีที่สุดเท่าที่โอกาสจะอำนวย เขาเล่าแค่นี้ พวกเราที่ได้ยินก็รับทราบ แต่ผมรับทราบแบบยังคาใจในคำพูด
..ตามผมมาเรื่อยๆนะครับ แล้วผมจะบอกว่า ทำไมถึงคาใจในคำพูดนั้น
ขอตัดภาพไปบนเวทีในคู่ของแก่นศักดิ์เลยครับ คู่ชกเขาคราวนี้คือ พระกาฬชาวฝรั่งเศสชื่อ ฟาบีโอ พินคา จากการน๊อกคู่ต่อสู้ถึงสองครั้งติดกันของแก่นศักดิ์บนสังเวียนอเมริกา โปรโมเตอร์เลยจัดให้เขาพบนักมวยฝีมือดีของยุโรป และแน่นอนครับ ใครที่อยู่ในวงการมวย ถ้ารู้ว่าจะชกกับคนชื่อ แก่นศักดิ์ ถ้าไม่ดีจริง ไม่พร้อมจริง คงไม่มา
แก่นศักดื์ ขึ้นเวที ในมุมแดง เมื่อถอดเสื้อคลุม เห็นชัดว่า แก่นศักดิ์ตัวเล็กกว่า และน้ำหนักเบากว่าแน่แถมคู่ชกยังเด็กกว่าร่วมสิบปี ฝ่ายตรงข้ามชกมาเกือบหกสิบครั้ง แม้จะน้อยกว่า แก่นศักดิ์มาก แต่ต้องถือว่า แก่พรรษา พอตัว
ยกแรก และยกสอง แก่นศักดิ์ ตาคม อาวุธคม ออกอาวุธได้เนื้อๆตลอด มีโต้ มีสกัด เก็บอาวุธคู่ชกได้หมด ถ้าคู่ชกเซนิดเดียว แก่นศักดิ์ ที่ถอยหาจังหวะอยู่ ก็จะวิ่งเข้าใส่แบบเสือหิวตะปบเหยื่อทันที คู่ชกไม่ใช่คนโง่ เขามีลูกถีบนำ แต่เจอแก่นศักดิ์จับข้อเท้า แล้วเตะตัดล่างแบบ ญวนทอดแห ทำให้คู่ชกล้มหลังกระแทกพื้นได้หลายที
พอหมดยกสอง สังเกตเห็น แก่นศักดิ์ เดินเข้ามุมแบบต้องหายใจทางปาก ขึ้นยกสาม กลางๆ ยก แก่นศักดิ์ เริ่มเป่าปากให้เห็นชัดขึ้น อาวุธที่ออกดูไม่ทำให้คู่ชกสะเทือน แถมยังโดนบุกแบบไม่ให้ทันได้หายใจหายคอ คือ กะบดให้แก่นศักด์เฉาคาแข้งเลยว่างั้นเถอะ
คู่ชกยังมีลูกถีบนำเข้ามาเรือยๆ แก่นศักดิ์ เมื่อไร้เรี่ยวแรง ก็ไม่สามารถใช้ ญวนทอดแห ได้ดีเหมือนเดิมแล้ว เขาจึงถูกถีบฟรีๆเข้าช่องท้องหลายครั้ง และยังโดนเตะเข้าที่ต้นขา แรกๆก็ยกเข่าบังได้ แต่หลังๆ ยิ่งเหนื่อย ประสาทสั่งการยิ่งทำงานช้า เราเห็นด้านนอกของต้นขาซ้ายของแก่นศักดิ์ แดงห้อเลือด
..ขอย้ำว่าห้อเลือดนะครับ ไม่ใช่แดงเป็นรอยผื่นธรรมดา
เมื่อถอยไม่ออก แก่นศักดิ์ เริ่มยืนแลก แบบพร้อมที่จะเอาชีวิตเป็นเดิมพัน บางจังหวะก็ยังวิ่งเข้าชาร์จด้วยหมัดและแข้งแบบลืมตาย ถ้าจะหาแววตาของความแหยงอาวุธ หรือกลัวความเจ็บ ไม่ต้องไปหาจากแก่นศักดิ์ เขารับ และออกอาวุธชนิดมึงทีกูทีแทนที่จะยกแขนกันสูงๆ แล้ววิ่งถอยหลังเมื่อโดนพายุจากฝ่ายตรงข้ามกระหน่ำ
มีอยู่ตอนหนึ่งที่คู่ชกวิ่งเข้าใส่พร้อมสารพัดอาวุธ แก่นศักดิ์ พุ่งสวนด้วยศอกซึ่งกระทบใบหน้าคู่ชกเสียงดังออกมานอกเวที แต่คู่ชกเหมือนกระทิงหนุ่ม เพียงเซก้นเตี้ยนิดเดียว และยืนขึ้นแบบพร้อมชกทันที ผมว่าตรงนี้ แก่นศักดิ์คงท้อใจเหมือนกัน เพราะกดเต็มที่เข้าเป้าเสียด้วย แต่คู่ชกแค่สะเทือนนิดเดียว
แก่นศักดิ์ พยายามถอยฉากใช้จังหวะสองคอยเก็บอาวุธคู่ต่อสู้ คอยโต้คืน แต่ทานแรงบุกของกระทิงหนุ่มจากแดนน้ำหอมไม่ได้ เขาแพ้คะแนน แบบบอบช้ำพอควรครับต้องมาให้เพื่อนๆเอาน้ำแข็งประคบอยู่พักใหญ่ๆ หลังจากนั้น ก็แต่งตัว ออกมายิ้มแย้มนั่งทานข้าวด้วยกันหลังงานเลิก
ตามอาการครับพี่
.ตามอาการ เมื่อถามเขาว่าเป็นไง ซ้อมดีแต่เร่งไม่ขึ้นหรือไง เขาบอก เขาไม่อยากแก้ตัวเมื่อแพ้ แต่ผมมาทราบทีหลังว่า เขามีการเจ็บป่วยก่อนชก ทำให้เขาไม่สามารถซ้อมได้เต็มที่
..นี่ไงครับ ตรงนี้แหละที่ทำให้ผมหายคาใจในคำพูดของพงษ์สันติ์ ทางทีมงานของเขารู้มาลึกๆว่าแก่นศักดิ์ ซ้อมมาไม่เต็มที่เพราะอาการป่วย แต่ไม่กล้าถอนตัว หวังอาศัยความเก๋าเอาชนะความสด แต่สัจธรรมคือ ด้วยอายุสามสิบเจ็ดปีอย่างเขา ต้องใช้เวลาซ้อมมากกว่าสมัยหนุ่มๆ กว่าจะได้แรงมาตามต้องการ และครั้งนี้ เขามาไม่เต็มถัง
เห็นจะเลิกชกแล้วพี่ เอาแค่สอนคงจะดีกว่า ผมชักเบื่อๆเหมือนกัน
.ต่อยมาตั้งแต่อายุสิบขวบ
นักมวยที่ชกเมื่ออายุเลยสามสิบ มีไม่กี่คน อย่าง ปู่สุข ที่เอ่ยถึงข้างต้น รุ่นหลานๆ ก็มี วิชาญน้อย เพชรยินดี (พรทวีเดิม) ) ฉมวกเพชร ห้าพลัง ซึ่งมาเปลี่ยนค่ายเป็น ช่อชะมวง ในภายหลัง ส่วนในอเมริกา ก็มีลุง จอร์จ ฟอร์แมน ที่ได้เข็มขัดแชมป์ เมื่อล่วงเข้า สี่สิบกว่า เร็วๆนี้ แชมป์ มิกซ์ มาร์เชียลอาร์ท ของ ยูเอฟซี ก็ป้องกันตำแหน่งได้ อีกครั้งเมื่อตัวเองอายุสี่สิบเอ็ด
ตรงนี้ ผมกำลังอยากจะบอกแก่นศักดิ์ว่า ถ้าเขาเลือกที่จะชกอีก เขายังมีโอกาส แต่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมกว่านี้ ขนาดร่างกายไม่พร้อม เขายังสร้างความประทับใจให้ อั่งม้อ หรือ คุณชูเจริญ วิระอร่ามวงษ์ โปรโมเตอร์ไทย ที่อุตสาห์บินมาดูมวยรายการนี้
ไอ้แก่นมันชกได้ขนาดนี้เชียวเหรอ เหลือเชื่อจริงๆ
.ผมประทับใจ
.จำเสียงคนไทยคนหนึ่งทีพูดกับเพื่อนข้างๆถึงแก่นศักดิ์ เมื่อ กรรมการจับมือให้คู่ชกเป็นผู้ชนะ
สิ้นลายเลยว่ะ สั้นๆ แต่ได้ใจความ และกินใจชมัด ดีที่เจ้าตัวผู้ถูกพูดถึงไม่ได้ยิน
แต่ผมกลับไม่เห็นด้วย ยกท้ายๆ ซึ่งเขาสู้ด้วยหัวใจกับสัญชาติญาณจริงๆนั้น ถ้าใครอยู่ขอบเวทีเหมือนผมจะเห็นแววตาของเสือเจ็บแต่แฝงความดุดัน ชนิดที่ขอสู้สุดฤทธิ์สุดเดช สมชาติเสือจริงๆ แก่นศักดิ์ จะปิดชีวิตตัวเองบนสังเวียนเพียงเท่านี้หรือไม่ เห็นจะต้องรอดูกันอีกนิดนะครับ