คัดลอกจาก เดชา ปราการะนันทน์ นสพ.แนวหน้า15ต.ค.2533
"แบบอย่างแห่งความซื่อสัตย์"
ในพงศาวดารจีนเรื่องสามก๊กนักรบผู้ได้สมญาว่า "เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์" คือ กวนอู ซึ่งนอกจากมีฝีมืออันเยี่ยมยอดในการยุทธแล้ว ยังมีความซื่อสัตย์กตัญญูอย่างยากที่จะหาใครเสมอเหมือนชาวจีนจำนวนไม่น้อยจึงยกย่องกวนอูเป็นเทพเจ้า และได้รับการกราบไหว้บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลมาจนกระทั่งทุกวันนี้
ในวงการมวยก็มีนักชกผู้หนึ่งซึ่งควรจะเป็นแบบอย่างแห่งความซื่อสัตย์ รวมทั้งมีความกตัญญูรู้คุณนามของเขาคือ น่านน้ำ เมืองสุรินทร์ ศิษย์เอกของ สนอง รักวานิช หัวหน้าคณะชื่อดังผู้ล่วงลับไปแล้ว
น่านน้ำ เป็นนักมวยที่มีฝีมือพอประมาณ แต่มีความหนักหน่วงและมีความทรหดอดทนรวมทั้งความขยันขันแข็งในการฝึกซ้อม เขาจะเชื่อฟังคำสั่งสอนของหัวหน้าคณะอย่างเคร่งครัด บางครั้งก็ถูกทุบตีเช่นเดียวกับเพื่อนร่วมค่ายคนอื่นๆ ตามหลักการสอนของหัวหน้าคือ "ตบให้ได้ดี ตีให้ได้แชมป์" และน่านน้ำก็สามารถก้าวขึ้นครองแชมป์ของเวทีราชดำเนินหลังจากผ่านการชกมาอย่างโชกโชน
ในระยะที่ น่านน้ำ กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังมีอยู่ครั้งหนึ่งเขาได้ขึ้นชกที่เวทีลุมพินี และตกเป็นฝ่ายปราชัยกลับลงมา ทำให้หัวหน้าคณะโกรธมากเพราะไปสอนที่มุมด้วยตัวเอง แต่น่านน้ำก็ทำไม่ได้อย่างที่สอน
เมื่อกลับถึงห้องพักหัวหน้ากำลังโกรธจัด ก็ถอดร้องเท้าตบหน้าน่าน้ำเป็นการลงโทษที่สอนไม่รู้จักจำ และน่านน้ำก็ยืนให้หัวหน้าคณะตบด้วยร้องเท้าแต่โดยดี โดยไม่ปิดป้องหรือถอยหนีมีผู้พบเห็นเหตุการณ์หลายคน ญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งของน่านน้ำได้รู้ข่าวนี้ก็เกิดไม่พอใจ จึงไปหาผม (ผู้เขียน) ที่สำนักงาน และขอให้ผมช่วยเขียนประท้วงการกระทำของหัวหน้าคณะว่าป่าเถื่อนและทารุณเกินไป
แต่วันรุ่งขึ้น น่านน้ำไปหาผมอย่างเร่งร้อน เขาบอกว่า "ขอความกรุณาอย่าเขียนเรื่องผมถูกหัวหน้าตบด้วยรองเท้าจะได้ไหมครับ" ผมถามว่าทำไมจึงไม่ให้เขียน น่านน้ำตอบว่า "ที่ผมถูกหัวหน้าตบด้วยรองเท้าเป็นการสมควรแล้วครับ เพราะผมเป็นคนผิดเอง ที่ทำไม่ได้อย่างหัวหน้าสอน และผมก็ไม่ได้โกรธหัวหน้าเลย ผมถือว่าที่ผมได้ดีมีชื่อเสียงทุกวันนี้ก็เพราะหัวหน้าเป็นผู้สร้างผมมา ผมจึงสมควรที่จะถูกลงโทษ และถ้าจะถูกลงโทษมากว่านี้ผมก็ยอม
ผมได้เห็นความสัตย์ซื่อกตัญญูของน่านน้ำจึงไม่ได้เขียนประท้วงตามที่ญาติผู้ใหญ่ของน่านน้ำขอร้อง และเรื่องราวที่ทำท่าว่าจะลุกลามต่อไปก็ยุติลงเพียงแค่นั้น
น่านน้ำมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดน่าน เริ่มหัดมวยครั้งแรกกับพี่ชาย และขึ้นชกในนาม น่านฟ้า ลูกบ้านใหม่ เป็นการชกด้วยความสนุกมากกว่าจะจริงจัง แต่ก็ได้รับชัยชนะกลับลงมาเป็นส่วนใหญ่ ต่อมาได้รับการชักชวนให้เดินทางมาสังกัดค่ายเมืองสุรินทร์ ของสนอง รักวานิช ซึ่งระยะนั้นมวยค่ายนี้กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่เชื่อถือในวงการมวย และได้รับการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นน่านน้ำ เมืองสุรินทร์ หลังจากฝึกซ้อมจนสมบูรณ์เต็มที่ ก็ขึ้นชกครั้งแรก ในรายการรอบบ่ายวันเสาร์ ที่เวทีลุมพีนี ชนะน็อค สีนิล ลูกบัวหลวง ยก2 ได้รางวัลครั้งแรกที่เมืองหลวง 110บาท
หลังจากนั้นก็มีโอกาสได้ชกติดต่อกันไม่ขาดระยะและทำสถิติปีเดียวขึ้นชกถึง16ครั้ง อาศัยใจสู้มีหมัดที่หนักหน่วง ประกอบกับการดูแลฝึกซ้อมอย่างเข้มงวด ทำให้น่านน้ำได้ชัยชนะติดต่อกันหลายครั้ง ถ้าจะแพ้ก็มักจะแพ้แตก เพราะถูกศอกคู่ต่อสู้มากกว่าจะแพ้น็อค หรือแพ้คะแนนกลับลงมา
น่านน้ำเจอกับมวยรุ่นใหม่แล้วเขยิบขึ้นเจอมวยชั้นดี ซึ่งระยะนั้นมีอยู่มากมายหลายคน และแต่ละคนก็ฝีมือระดับพระกาฬเท่าที่จำได้ก็มี ชนะ จั่นห้าว นาคราช , แพ้แตก พรพิษณุ ฮ.มหาชัย,ชนะ รุ่งฟ้า ส.บัวหลวง , ชนะ สุรพลน้อย เข็มชาติ , แพ้ พัชรินทร์ เดชาชัย
ปีต่อมา น่านน้ำ ขึ้นชกอีกรวม 15ครั้ง เป็นสถิติที่ดูเหมือนจะมากกว่าทุกคนในรุ่นเดียวกัน โดยสองปีขึ้นชก 31 ครั้ง ก็นับว่ามากเอาการ แต่น่านน้ำกำลังอยู่ในวัยฉกรรจ์ร่างกายสมบูรณ์ และแข็งแรงเหมือนวัวเปลี่ยว เขาจึงพร้อมที่จะชกได้ทุกเวลา บางครั้งขึ้นชกเป็นมวยแทนก็มี มวยดังๆในขณะนั้นที่น่านน้ำเคยเจอมาแล้วก็มี ชนะ ชัยนารายณ์ ศรีพรานนก , ชนะน็อค พรพิษณุ ศรราม , แพ้ สิงห์ห้าว ส.ลูกพิทักษ์ ผลัดกันแพ้ชนะ ขวัญใจ ส.ศิริพันธ์ ,แพ้ หงษ์ฟ้า อิทธิอนุชิต , ชนะน็อค ชนะเกียรติ เกีรยติเมืองยม , แพ้แตก ใจแก้ว ทรงฤทธิ์ แล้วแก้มือชนะคะแนนได้อย่างดุเดือด , ชนะคะแนนศิริเดช อิสสระภาพ สองครั้ง , เจอกับฟ้าใส ทวีชัย ยอดมวยเมืองอุบล ฟ้าใส ถูกไล่ลงยกสุดท้าย , แล้วมาแพ้แตก ศิริมงคล ลูกศิริพัฒน์ , และชนะแตก สมพร เกียรติศักดิ์คงคา
น่านน้ำ เป็นมวยที่มีแฟนชื่นชมในฝีมือไม่น้อย เพราะเขาไม่เคยมีมลทินในการชกทุกครั้ง เขาจะลุยแลกกับคู่ต่อสู้ไม่ว่าจะเก่งกาจขนาดไหน บางครั้งเขาก็ชนะได้อย่างดุเดือด แต่บางครั้งก็ถูกศอกแพ้ทีเคโอ เพราะเปิดหน้ารับศอกคู่ต่อสู้ เนื่องจากมุ่งจะลุยเอาชนะน็อคมากเกินไป และต่อมาน่านน้ำก็ได้เข้าอันดับเป็นรองแชมป์รุ่นจูเนียร์ เฟเธอร์เวท122ปอนด์ ซึ่งขณะนั้นเพื่อนร่วมค่าย ทวีชัย เลือดชล เป็นผู้ครองตำแหน่ง แต่ต่อมาทวีชัยต้องลละตำแหน่งเพราะทำน้ำหนักไม่ได้ ตำแหน่งจึงว่างลง และสนอง รักวานิช เห็นว่าผู้ครองตำแหน่งคนต่อไปน่าจะเป็นนักมวยจากค่ายเมืองสุรินทร์ จึงเสนอน่านน้ำขึ้นชิงตำแหน่งที่ว่าง ทางเวทีอนุมัติให้ น่านน้ำขึ้นชิงกับคู่ปรับเก่าคือชนะเกียรติ เกียรติเมืองยม ซึ่งน่านน้ำเคยชนะน็อคมาแล้ว การชิงแชมป์เต็มไปด้วยความเลือดพล่าน ดุเดือด โดยชนะเกียรติเป็นมวยหมัดหนัก ชอบลุยแลกหมัด และมักจะเปิดหน้าเวลาเข้าแลก น่านน้ำจึงใช้ศอกฟันสวนสกัดจนชนะเกียรติหน้าแตกเลือดไหลโกรก กรรมการเรียกแพทย์ขึ้นมาตรวจดูบาดแผล เห็นว่าแตกฉกรรจ์ จึงสั่งยติการต่อสู้ น่านน้ำจึงเป็นฝ่ายชนะทีเคโอ ได้ครองแชมป์จูเนียร์เฟเธอร์เวท ของเวทีราชดำเนิน ท่ามกลางความยินดีปรีดาของเพื่อนร่วมคณะที่ตำแหน่งแชมป์กลับมาอยู่กับค่ายเมืองสุรินทร์อีกครั้ง
แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ครองแชมป์แล้วฟอร์มการชกของน่านน้ำกลับตกต่ำลง เขาขอแก้มือกับศิริมงคล ลูกศิริพัฒน์ ก็ตกเป็นฝ่ายแพ้คะแนนอีกครั้งเนื่องจากรูปร่างเสียเปรียบกันมาก และต่อมาก็แพ้คะแนน เวหาสน์ นภาพล มวยดังจากกองทัพอากาศ หลังจากนั้นน่านน้ำก็ขึ้นป้องกันแชมป็กับ โกมินท์น้อย ร.ฟ.ท มวยหมัดหนักจากสงขลา ซึ่งนอกจากเป็นมวยหมัดหนักแล้วยังมีความทรหดทัดเทียมกัน น่านน้ำสู้เพื่อรักษาตำแหน่งเอาไว้ให้ได้ ส่วนโกมินทร์น้อย ก็ต้องการชิงแชมป็ไปให้ได้ จึงต้องลุยเข้าประจัญบานแบบใครดีใครอยู่ หมัดของโกมินทร์เล่นเอาน่านน้ำหยุดชะงักไปหลายครั้ง และหมัดของน่านน้ำก็ทำให้โกมินทร์น้อยสั่นสะท้านไปหลายหน ต่างผลัดกันรุกผลัดกันรับ ทำคะแนนคู่คี่กันมาตลอดตั้งแต่ยกแรกยันยกสุดท้าย ผลตัดสินกรรมการให้เสมอกัน น่านน้ำจึงครองแชมป์ต่อไปอีก น่านน้ำขึ้นป้องกันแชมป์ครั้งที่สอง เจอกับใจแก้ว ทรงฤทธิ์ มวยดังจากลพบุรี ซึ่งเคยผลัดกันแพ้ชนะมาแล้ว คราวนี้ใจแก้วฟิตมาดี และใช้จังหวะสกัดกั้นจนน่านน้ำบุกเข้าหาไม่ได้ถนัด เมื่อการชกสิ้นสุดลงน่านน้ำเป็นฝ่ายแพ้คะแนน เสียแชมป์ให้ใจแก้วครองต่อไป
เจอกับเทพบุตร แหลมฟ้าฝ่า อีกครั้ง น่านน้ำลุยเข้าถล่มอย่างดุเดือด จนเป็นฝ่ายชนะคะแนนแก้มือได้สำเร็จ แต่แล้วก็กลับมาแพ้คะแนนสายฟ้า แสงมรกต จอมเตะจากราชบุรี
น่านน้ำยังมีโอกาสได้ชิงแชมป์กลับคืนจากใจแก้วอีกครั้ง เขาพยายามบุกตะลุยตั้งแต่ยกแรก แต่ใจแก้วอาศัยจังหวะและความรวดเร็วที่เหนือกว่าเตะต่อยจนน่านน้ำเข้าไม่ติด และตกเป็นฝ่ายแพ้คะแนนอีกเป็นครั้งที่สอง จึงหมดโอกาสครองแชมป์นับแต่วันนั้น ฟอร์มการชกของน่านน้ำก็เริ่มตกต่ำอีกครั้ง เขาถูกจัดเป็นยอดมวยในยุคนั้น เคยแพ้คะแนน พุฒ ล้อเหล็ก , แพ้คะแนน นรสิงห์ สีดา , มาชนะแตกเมฆเมฆินทร์ ยนตรกิจ , แพ้ ชุมพล สาคร พิทักษ์ แล้วชนะน็อค ผุดผาดน้อย วรวุฒิ แบบปาฏิหาริย์ โดยฝ่าดงแข้งเข้าไปถล่มด้วยหมัดจนชนะน็อคอย่างสวยงาม ชนะพนมพร เกียรติศักดิ์คงคา แพ้บรรดิษฐ์ สิงห์ปราการ ผลัดกันแพ้ชนะ วันณรงค์ พีระมิตร ชนะแตก นรสิงห์ สีดา แก้มือได้ ต่อมาได้เจอผุดผาดน้อยอีกครั้ง เขากลับถูกศอกแพ้แตก และหลังจากนั้น ก็พ่ายแพ้ติดต่อกันหลายครั้ง จนกระทั่งเห็นว่าสังขารไปไม่ไหวจึงได้ประกาศแขวนนวม
"นอกจากจะเป็นนักมวยที่ซื่อสัตย์และกตัญญูเช่นเดียวกับกวนอู เทพเจ้าแห่งความสัตย์ซื่อแล้ว น่านน้ำก็ยังมีความสุภาพและนอบน้อมถ่อมตน เช่นเดียวกับเล่าปี่ ผู้มีสมญาว่า ผู้พนมมือให้แกชนทุกชั้น"