หากมองแค่มวยไทยเงินแสนของเวทีมวยมาตรฐานเมืองกรุงยุคนี้ คงต้องยกให้ แสนชัย ส.คำสิงห์ หรือ อนุวัฒน์ แก้วสัมฤทธิ์ อยู่เกรดเอแถวหน้าของสังเวียนสู้คน แต่หากถามฝรั่งต่างชาติ หรือคนญี่ปุ่น เกาหลี ที่นิยมในศิลปการต่อสู้ระดับโลกแล้ว ทุกคนต้องรู้จัก "แบล็ก โกลด์" บัวขาว ป.ประมุข แชมป์ เค-วัน เวิร์ลด์แม็กซ์ กรังด์ปรีซ์ สองสมัยจากเมืองไทย จึงจะถือว่าเป็นเซียนมวยอินเตอร์ขนานแท้..
บัวขาว เริ่มหัดมวยไทย ตั้งแต่อายุ 8ขวบ เด็กหนุ่มจากสุรินทร์ เข้ากรุงเทพมาสังกัดค่ายมวย ป.ประมุข เมื่ออายุได้ 15 ปี โดยมารดาเป็นผู้พามาฝากตัวกับ "กำนันแก๊" ประมุข โรจนตัณฑ์ หน.คณะโดยตรง "แม่บอกผมให้เลือกเอาว่า จะเรียนหนังสือ หรือจะชกมวย ในเมื่อเอาดีเรื่องเรียนไม่ได้ แม่ก็เลยพาผมมาอยู่ที่ค่ายมวย ตั้งแต่นั้นมา ผมก็ไม่ได้เห็นหน้าแม่อีกเลย เพราะท่านเสียชีวิตหลังจากนั้นไม่นาน" เจ้าตัวรำลึกความหลัง
จากมวยเด็กนอกสายตา เติบกล้าขึ้นตามกระดูกและประสบการณ์ ไม่นานบัวขาวสามารถคว้าแชมป์มาครองมากมาย เริ่มจากแชมป์เวทีมวยสยามอ้อมน้อย รุ่นเฟเธอร์เวท, แชมป์ประเทศไทยรุ่นเฟเธอร์เวท และแชมป์มวยสยามอ้อมน้อยอีกครั้ง ในรุ่นไลต์เวท ถึงพ.ศ.2545 บัวขาว คว้าแชมป์ มวยไทยมาราธอน โตโยต้า รุ่น 140 ปอนด์ ที่สนามมวยลุมพินี ชนะ โคบายาชิ นักชกซามูไร
ก่อนเหินฟ้าไปประกาศศักดิ์ศรีระดับอินเตอร์ ปีพ.ศ.2547 บัวขาว คว้าแชมป์รายการ "K-1 WORLD MAX 2004" ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ปราบ จอห์น เวน พาร์ นักชกออสเตรเลีย โคะฮิรุยมาคิ และมาซาโตะ แชมป์เก่าชาวญี่ปุ่น และในปีต่อมา บัวขาวเข้าชิงเค-วันรายการนี้อีกครั้ง แต่แพ้คะแนน แอนดี้ ซอเยอร์ ไปแบบค้านสายตา ทว่าปีพ.ศ.2549 บัวขาวกลับไปคว้าแชมป์ชนะเลิศ รายการเดียวกันนี้อีกครั้ง พร้อมกลายเป็นคนแรกที่คว้าแชมป์เค-วัน รายการนี้มาครองถึงสองสมัยสำเร็จ
ปัจจุบันค่าตัวแต่ละไฟท์ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ทันทีที่หมดสัญญากับทางเค-วัน (ในช่วงต้นปี 2550 นี้) บัวขาวจะมีสิทธิ์ไปอาละวาดได้อย่างเสรีทั้งในยุโรป และทั่วโลก สามารถประกาศศักดาวิชาการต่อสู้ในเชิง "มวยไทย" ให้โลกตระหนักถึงพิษสงมวยไทยต้นตำรับแท้ๆ ว่า "ของจริง" นั้นแน่แค่ไหน ตลอดช่วงปี 2549 ที่ผ่านมา จึงถือเป็นปีทอง ของ "มนุษย์ทองคำ" บัวขาว ป.ประมุข อย่างแท้จริง !!
ข่าวสด