สำหรับประวัติความเป็นมาของ "จิ้งเหลนไฟ" นักชกรุ่นลายคราม เดิมเป็นชาว จ.ร้อยเอ็ด ชื่อ "สำเริง ศรีมาดี" เกิดเมื่อปี พ.ศ.2469 เข้าสู่วงการกำปั้นตั้งแต่อายุ 16 ปี โดยใช้ชื่อบนสังเวียนว่า "จำเริญ ทรงกิตรัตน์" ตระเวนปราบคู่ต่อสู้จนราบคาบ ทั้งมวยไทยและสากล กระทั่งเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ ลุยปราบแชมป์มวยเวทีราชดำเนิน กลายเป็นนักสู้โด่งดังที่แฟนมวยในยุคนั้นรู้จักกันเป็นอย่างดี เนื่องจากออกอาวุธแม่ไม้มวยไทยครบเครื่องจนไร้คู่ต่อกรโดยเฉพาะอาวุธ "ศอกพับ" สยบคู่ต่อสู้น็อกคาสังเวียนมาแล้วมากมายจนได้รับสมญาว่า "จิ้งเหลนไฟ"
กระทั่งปี พ.ศ.2497 ได้ขึ้นชิงแชมป์โลกรุ่นแบนตั้มเวทกับจิมมี่ คารัทเธอร์ ชาวออสเตรเลีย แต่พ่ายคะแนน ถือว่าเป็นนักมวยไทยคนแรกในประวัติศาสตร ์บนผืนผ้าใบที่ขึ้นชิงแชมป์โลกมวยสากลกับนักชกชาวต่างประเทศ แต่ด้วยวัยเกือบเข้าเลขสาม ความแข็งแกร่งสู้แชมป์โลกไม่ได้เลยชวด ความหวังยังไม่สิ้น "จำเริญ ทรงกิตรัตน์" ยังประหมัดชิงแชมป์โลกมวยสากลอีก 2 ไฟต์ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
เมื่อพลาดหวังจากตำแหน่งแชมป์โลกจึงแขวนนวมเข้ารับราชการเป็นตำรวจจนได้ยศ พ.ต.ต.และเกษียณในตำแหน่งครูฝึกพลศึกษา โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน แต่ชีวิตบั้นปลายตกอับสุดๆล้มป่วยเป็นอัมพฤกษ์ เงินบำเหน็จที่ได้มานำไปรักษาตัวจนหมด ต้องซุกหัวนอนอยู่ห้องเช่าซอมซ่อใกล้ปากทางเข้าวัดไร่ขิง อ.สามพรานกับภรรยาและลูกชายหญิง แต่ชีวิตเหมือนมีกรรม ภรรยาคู่ทุกข์ล้มป่วยจากไปกะทันหัน
แถมลูกสาวที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัวป่วยเป็นเนื้องอกในสมอง กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรานอนอยู่ รพ.ราชวิถี จนถึงทุกวันนี้ มิหนำซ้ำลูกชายคนเดียวประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ กลายเป็นคนสติไม่ดีเท่าที่ควร แต่ยังโชคดีที่บริษัท กระดาษศรีสยาม จำกัด ตั้งอยู่ย่านพุทธมณฑลช่วยรับลูกชาย เข้าทำงานเพื่อหาเงินดูแล "จิ้งเหลนไฟ" จนถึงนาทีสุดท้าย.
เกียรติประวัติ
แชมป์ OPBF รุ่นไลท์เวท
เคยชิงแชมป์ต่อไปนี้แต่ไม่สำเร็จ
ชิงแชมป์โลกรุ่นแบนตัมเวท WBA (NBA) เมื่อ 2 พ.ค. 2497 แพ้คะแนน จิมมี่ คาร์รัทเธอร์ (ออสเตรเลีย) ที่สนามจารุเสถียร
ชิงแชมป์โลกรุ่นแบนตัมเวท WBA เมื่อ 19 ก.ย. 2497 แพ้คะแนน โรแบร์ โดฮัง (ฝรั่งเศส) ที่สนามศุภชลาสัย
ชิงแชมป์โลกรุ่นแบนตัมเวท WBA เมื่อ 9 มี.ค. 2498 แพ้น็อค ราอูล มาเซียส (เม็กซิโก) ยก 11 ที่ สหรัฐ
เกร็ด
การชกชิงแชมป์ครั้งแรกกับจิมมี่ คาร์รัทเธอร์ ที่สนามจารุเสถียร เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2497 เป็นสนามกีฬากลางแจ้ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่าเย็นวันนั้นจะไม่มีฝนตก ปรากฏว่าเย็นนั้นฝนตกหนักจนมีน้ำขังบนเวที กรรมการและสักขีพยานเสนอให้เลื่อนการชกออกไปก่อน แต่เมื่อปรึกษากับนักชกทั้งสองฝั่งแล้ว ตกลงกันว่า จะทำการชกต่อไปตามแผนเดิม โดยจิมมี่ คาร์รัทเธอร์ เสนอให้ถอดรองเท้าชกด้วยเท้าเปล่า
ทั้งคู่ชกโดยไม่สวมรองเท้า ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเป็นเวลานับชั่วโมง ในที่สุดการชกก็สิ้นสุดลงในยกที่ 11 เมื่อไฟนีออนที่ให้แสงสว่างบนเวทีถูกลมพัดตกลงมาแตก และเศษแก้วบาดเท้าของนักมวย ไม่สามารถชกต่อได้ ผลการนับคะแนนปรากฏว่าจำเริญ ทรงกิตรัตน์เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ การชกครั้งนี้ได้รับการบันทึกว่า เป็นการชกชิงแชมเปียนโลกมวยสากลในยุคใหม่ ครั้งแรกและครั้งเดียว ที่นักชกชกด้วยเท้าเปล่า โดยไม่สวมรองเท้า
ในการชกชิงแชมป์ครั้งต่อมา กับโรแบร์ โคฮัง เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2497 ที่สนามศุภชลาศัย กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่า อาจมีฝนตกในตอนเย็น แฟนมวยที่มาเข้าชมต่างเกรงว่าฝนจะตกหนักเหมือนครั้งที่ชิงแชมป์ครั้งแรก จึงเตรียมร่มและเสื้อฝนมากันอย่างพร้อมเพรียง ปรากฏว่าเย็นนั้นไม่มีฝนตก อีกทั้งจำเริญก็ชกได้ไม่ดี ถูกนับสองครั้ง และแพ้คะแนนนักชกจากฝรั่งเศสไป
ปล.จิ้งเหลนไฟเสียชีวิตเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 46
อ้างอิงจาก th.wikipedia.org และhttp://www.kapook.com/news/07/10731.htm