นัดชิงชนะเลิศศึกลูกหนังชิงแชมป์แห่งชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาเซียนคัพ 2007 ระหว่างทีมชาติไทยกับแชมป์เก่าสิงคโปร์ ระเบิดแข้งนัดแรกกันไปแล้ว เมื่อค่ำวันที่ 31 ม.ค. ที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ ท่าม กลางแฟนบอลลอดช่องที่แห่แหนเข้ามาเชียร์ให้กำลังใจทีมเจ้าถิ่นกว่า 5 หมื่นคน ซึ่งนัดนี้ทีมชาติไทยไม่มี ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กัปตันทีม ที่ได้รับบาดเจ็บ และขอถอนตัวไป โดยวางให้พิพัฒน์ ต้นกันยา ยืนเป็นคู่หัวหอกกับ โจ้ ห้าหลา ศรายุทธ ชัยคำดี ขณะที่เจ้าถิ่นสิงคโปร์ ใช้นักเตะโอนสัญชาติ ทั้งจากจีน อังกฤษ โครเอเชีย และไนจีเรีย ลงเล่นเต็มพิกัด
เริ่มเกมครึ่งแรก เจ้าบ้านสิงคโปร์เปิดฉากบุกกดดันไทยทันที และนาทีที่ 16 ก็ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะชุลมุน ที่นักเตะลอดช่องได้สับไก 2 ครั้งติดต่อกัน แต่ติดแผงหลังไทย บอลกระดอนมาเข้าทางของนอห์ อลัม ชาห์ กองหน้าตัวเก่งของสิงคโปร์ หมุนตัวยิงบอลหนีมือนายทวารกิตติศักดิ์ ระวังป่า เข้าไปตุงตาข่าย จากนั้นไทยพยายามบุกตีเสมอ แต่โดนนักเตะลอดช่องตัดเกมด้วยการทำฟาวล์อย่างหนักหน่วงหลายต่อหลายครั้ง จบครึ่งแรก สิงคโปร์นำอยู่ 1-0
ครึ่งหลัง ทีมไทยลุยหนัก และแค่ 4 นาทีก็ตีเสมอได้สำเร็จ จากจังหวะที่นิรุจน์ สุระเสียง แทงบอลให้ พิพัฒน์ ต้นกันยา หลุดกับดักเช็กล้ำหน้า ไปลากหลบผู้รักษาประตูลอดช่อง ก่อนจะส่งบอลเข้าประตูให้ไทยตีเสมอเป็น 1-1 และนาทีที่ 65 นิรุจน์ก็หวิดจะทำให้ไทยขึ้นนำ เมื่อมีจังหวะส่องไกลจากระยะ 25 หลานอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งตกพื้นจะแฉลบเข้าประตู แต่นายทวารเจ้าถิ่นพุ่งปัดออกไปหวุดหวิด
เกมตึงเครียดขึ้นตามลำดับจากเสียงเร่งเร้ากดดันของกองเชียร์สิงคโปร์กว่าครึ่งแสนที่โห่ใส่นักบอลไทยตลอดจนถึงช่วงท้ายเกม นาทีที่ 82 ก็เกิดความวุ่นวายเมื่อสิงคโปร์ได้ลูกฟรีคิก ชี เจีย ยี่ นักเตะโอนสัญชาติจากจีน เปิดบอลยาวมาหน้าปากประตู นิเวส ศิริวงศ์ กับ นอห์ อลัม ชาห์ ขึ้นโขกแย่งบอลพร้อมกัน และเสียหลักหงายหลังล้มลงไปนอนกองกับพื้นทั้งคู่ ซึ่งจังหวะนี้ไม่น่ามีอะไร แต่ผู้ตัดสินชาวมาเลเซีย ราวิจันดราน กลับเป่านกหวีดชี้เป็นลูกจุดโทษให้สิงคโปร์หน้าตาเฉย ท่ามกลางความงุนงงของนักเตะทั้ง 2 ทีม รวมถึงกองเชียร์ในสนามที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
จากนั้นเกมต้องหยุดลงไปโดยปริยาย เพราะนักเตะไทยกรูเข้าประท้วงเชิ้ตดำเสือเหลืองอย่างหนัก ถึงขั้นวอล์กเอาต์ออกจากสนามจะไม่ยอมเล่นต่อ ขณะที่ โค้ชหรั่ง ชาญวิทย์ ผลชีวิน กุนซือใหญ่ทีมชาติไทย ก็อารมณ์เดือดเข้าไปประท้วงคณะกรรมการ เอเอฟเอฟ ไม่ยอมรับการตัดสินที่โดนจุดโทษแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ซึ่งการประท้วงของไทยทำเอาเกมฟาดแข้งต้องหยุดลงไปนานถึง 12 นาที นักเตะไทยจึงกลับมาเล่นต่อ และ มุสตาฟิก ฟาห์รุดดิน ก็นำลูกมาสังหารจุดโทษเข้าประตูไปให้ทีมลอดช่องนำ 2-1 ช่วงเวลาที่เหลือ สิงคโปร์บุกจะยิงประตูเพิ่มอีก แต่ทำไม่ได้หมดเวลา ทีมไทยต้องเป็นฝ่ายพ่ายแชมป์เก่าไปแบบน่าเจ็บใจ 1 ประตูต่อ 2 ต้องรอกลับมาแก้มือที่เมืองไทย ในรอบชิง นัดที่ 2 วันอาทิตย์ที่ 4 ก.พ.นี้ ที่สนามศุภชลาศัย ซึ่งช่อง 7 สีจะถ่ายทอดสดให้ชม เวลา 19.00 น.
หลังจบเกม โค้ชหรั่ง ชาญวิทย์ ผลชีวิน ซึ่งอารมณ์เสียอย่างหนักไม่ยอมเข้าห้องแถลงข่าว และบอกนักข่าวสิงคโปร์ว่า โนคอมเมนต์ ก่อนจะกล่าวเปิดเผยว่า ตนรับไม่ได้กับการตัดสินของเชิ้ตดำมาเลเซีย ในรอบตัดเชือกที่เจอเวียดนามว่าน่าเกลียดแล้ว มาครั้งนี้น่าเกลียดกว่าเยอะ จากนี้จะต้องคุยกับทางสมาคมฟุตบอลให้ทำหนังสือประท้วงไปยัง เอเอฟเอฟ แต่ยืนยันว่าเราจะเตะนัดที่ 2 อย่างแน่นอน ยอมรับว่าสถานการณ์วันนี้เราโดนกดดันทั้งจากกองเชียร์และผู้ตัดสิน
ขณะที่ บิ๊กหอย ธวัชชัย สัจจกุล ผู้จัดการทีม กล่าวว่า เรื่องของกรรมการเราคงต้องปล่อยไป แต่เราก็ต้องทำหนังสือต่อว่าไปยังฝ่ายจัดฯ ซึ่งนัดนี้เราก็ประท้วงไปตามสิทธิ์ที่พึงทำได้ไม่เกิน 15 นาที เพื่อแสดงให้รู้ว่าเราไม่พอใจและไม่ยอมรับ ซึ่งกรณีถ้าวอล์กเอาต์ไม่เล่นเลยจะส่งผลเสียหลายอย่าง ทั้งเรื่องชื่อเสียงของประเทศ และหากทีมไทยโดนแบน ก็จะส่งผลกระทบต่อการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลเอเชี่ยนคัพกลางปีนี้ด้วย ส่วน ดร.สุวิทย์ ยอดมณี รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่เข้าไปชมเกมนัดนี้อยู่ในสนาม ก็ให้กำลังใจนักเตะไทยและพยายามบอกให้เจ้าหน้าที่รีเพลย์เทปดูลูกปัญหาที่เกิดขึ้น
อนึ่ง สำหรับนักเตะทีมชาติไทย จะเดินทางกลับในวันที่ 1 ก.พ. ด้วยเที่ยวบิน ซีเอ็กซ์ 712 ถึงไทย เวลา 15.00 น.
Thairath