เผย เข้ม ส.เพลินจิต มีทุนรอนจากการเก็บเงินค่าตัวชกแต่ละไฟต์ตลอดระยะเวลา 4-5ปีที่ผ่านมา สามารถนำเงินไปเปิดร้านเกมส์ในหมู่บ้านสัมมากร ใกล้ค่าย มีรายได้วันๆ หนึ่งหลายพันบาท ซึ่งเลิกมวยไปแล้วไม่ลำบาก ส่วนโปรแกรมการชกวันที่ 8 มี.ค.ส่อเค้าวืด เพราะเคลียร์น้ำหนักกับ โอโรโน่ ตะวัน ไม่ลงตัวนั่นเอง
แม้ว่าจะพลาดท่าแพ้คะแนนให้กับคู่ปรับเก่า แสนชัยน้อย ว.เพชรพูล สูญเงินเดิมพันไป 2 ล้านบาท แต่ นักชกมาดเข้ม เข้ม ส.เพลินจิต ก็ยังคงเป็นมวยเอก มวยแม่เหล็กของวงการ ซึ่งพร้อมที่จะเจอกับนักชกใครก็ได้ในเวตเดียวกัน และเดิมทีในศึกยอดมวยรักเมืองไทย สานใจไทยสู่ใจใต้ วันที่ 8 มี.ค.เวทีราชดำเนิน เข้ม จะต้องเจอกับยอดมวยจากฝรั่งเศส เด๊คเกอร์ ราเฟรน แต่ปรากฏว่านักชกเมืองน้ำหอมเดินทางมาชกไม่ได้ ทางโปรโมเตอร์ บิ๊กซ้ง ทรงชัย รัตนสุบรรณ จึงสับคู่มาให้ดวลกับ โอโรโน่ ตะวัน ยอดมวยไทยคนใหม่ที่เพิ่งเอาชนะ ยอดมวย จอมทอง ป้อมขวัญณรงค์ มาหมาดๆ
แต่มวยคู่ เข้ม-โอโรโน่ ตะวัน โอกาส วืด ไม่ได้ชกแน่นอนแล้ว เพราะน้ำหนักที่ออกมา 128 กับ 130 ปอนด์ ทางแคมป์ ส.เพลินจิต และ เข้ม ยืนยันไม่สามารถบีบลงมาได้ แต่หากขยับชกในเวตโตขึ้นมานี้อีกหน่อย ก็ไม่เหมาะสม และไม่ได้เสีย จึงจำเป็นต้องตัด เข้ม ออก หรืออาจจะฉีกไปเจอกับรายอื่น
เข้ม เผยว่า ตลอดระยะเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมา ตนยืนพื้นค่าตัว 8 หมื่น-1.2 แสนบาทมาตลอด เงินจากการชกมวยนั้น ตนนำมาลงทุนทำธุรกิจเปิดร้านเกมส์อยู่บริเวณหมู่บ้านสัมมากร ใกล้ๆกับค่าย ส.เพลินจิต ซึ่งเป็นร้านขนาดเล็ก ประมาณ 20 ที่นั่ง มีรายได้ตกวันหนึ่งก็หลายพันบาท ซึ่งหลังจากเลิกมวยหากธุรกิจนี้ยังไปได้ดี คิดว่าจะขยายกิจการร้านให้ใหย่โตขึ้นมาอีกหน่อย