วัตถุที่มีน้ำหนักมากๆ เช่น หิน เหล็ก หรือค้อน ได้ถูกนำมาตั้งเป็นฉายานักมวยมาแล้วนักต่อนัก เพราะมันให้ความหมายชัดเจนดี คำว่า "หมัดค้อนเหล็ก" เคยเป็นฉายาของนักมวยรุ่นเก่า(มาก) คนหนึ่งมาแล้ว คือ ขุนศึกน้อย ศ.บางคอแหลม
ยุคต่อมาก็มีนักมวยหมัดหนักอีกคนที่ได้ฉายาใกล้เคียงกันมาก... คือ
"ไอ้หมัดค้อน"หัวไทร สิงห์เมืองนคร ผู้มีชื่อจริงนามสกุลจริงว่า สุรชีพ รักษ์ทอง เกิดที่อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อ พ.ศ.2490 เริ่มหัดมวยกับ จเรศักดิ์ ภ.พลยุทธ เชื้อสายคณะ "สิงห์มณี" สมัยเรียนมัธยมอยู่ที่นั่นก่อนจะรู้จักกับ นคร คงชื่น เจ้าของฉายา "จอมดาบ 7 ป่าช้า" คนปั๊กต่ายด้วยกัน จึงถูกนำมาสร้างชื่อในกรุงเทพฯ และใช้ชื่ออำเภอที่เกิดเป็นสัญลัษณ์ว่า "หัวไทร สิงห์เมืองนคร" แล้วเปลี่ยนสีเสื้อเป็น "สิทธิบุญเลิศ" คณะของ "จอมไส้กรอก"บุญเกียรติ วิบูลย์ลาภ ในภายหลัง
หัวไทรมีสถิติการชกร่วม 100 ไฟต์ ลุยมาตั้งแต่รุ่นเฟเธอร์เวตยันมิดเดิลเวต เคยชกกับนักมวยชั้นนำในสมัยนั้นมากทุกคน ทั้ง อภิเดช ศิษย์หิรัญ, เดชฤทธิ์ อิทธิอนุชิต, คงเดช ลูกบางปลาสร้อย, ผุดผาดน้อย วรวุฒิ, วิชาญน้อย พรทวี และแสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ผลัดกันแพ้-ชนะมาหลายไฟต์
มีหมัดขวาเป็นอาวุธทีเด็ดประจำตัว และเป็นอันตรายที่สุดสำหรับคู่ต่อสู้ทุกคนทั้งมวยไทยมวยสากล จึงถูกตั้งฉายาว่า "ไอ้หมัดค้อน" ทันทีที่คว่ำ "จรวดทัพฟ้า" ราวี เดชาชัย ลงได้ในยกสุดท้าย ถือเป็นไฟต์ประทับใจมาก และฉายานี้ก็เป็นที่ยอมรับของยุทธภพตลอดมา
เพราะความที่หมัดหนักปานค้อนนี่เอง จึงได้รับการสนับสนุนจากเวทีลุมพินีให้ลองชกมวยสากลดู แรกๆ ก็ทำท่าว่าจะไปได้สวย เพราะชนะคะแนนอิน ฟังเต้ นักมวยฝรั่งเศสได้อย่างดุเดือด แต่พอได้ชิงแชมป์ภาคฯ รุ่น 140 ปอนด์ กลับแพ้คะแนนเปรโต อดิเกว้ ขาดลอยในชีวิตการชกมวย 10 ปี หัวไทรจึงไม่เคยเป็นแชมป์สถาบันใดเลย
เมื่อเลิกชกมวยแล้ว เขากลับไปทำมาหากินที่อำเภอหัวไทร บ้านเกิดอยู่หลายปี ตอนหลังมาช่วยฝึกวิทยายุทธ์ให้นักมวยของใหม่ เมืองคอน ที่กรุงเทพฯ เป็นครั้งคราว อายุย่าง 60 แล้ว แต่อ้วนพุงยื่นออกมาร่วมคืบอย่างกับซ่อนลูกโบว์ลิ่ง 3 ลูก ไว้ที่พุง..
ปัจจุบันผันตัวเองเข้ามาอยู่ในถนนสายบันเทิง และภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" หัวไทรก็เป็นคนหนึ่งที่ได้แสดงร่วมด้วย
คอลัมน์ ฉายาชาวยุทธ์
สว่าง สวางควัฒน์